วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

เว็บไซต์ที่มีรูปแบบธุรกิจของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B,B2C,C2C,Click and Motar,Click and Click


       ให้นักศึกษายกตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีรูปแบบธุรกิจของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบB2B,B2C,C2C,Click and Motar,Click and Click มาอย่างน้อยรูปแบบละ 2 เว็บไซต์ พร้อมทั้งอธิบายว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ (Business-to-Business หรือ B2B)
     หมายถึง  การซื้อขายระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน  เช่น ผู้ผลิตรถยนต์สั่งซื้อวัตถุดิบจากโรงงานที่เป็น Supplier หรือ ร้านค้าปลีกสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทผู้ผลิตสินค้า เมื่อสต็อกสินค้าลดลงถึงระดับหนึ่ง ผ่านระบบ EDI โดยส่วนใหญ่ผู้ซื้อและผู้ขายมักจะรู้จักกันล่วงหน้า และอาจทำเอกสารสัญญาที่เป็นกระดาษกันล่วงหน้า ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดจากการซื้อขายจะต่ำ
ตัวอย่างเว็บไซต์
     http://www.tescolotus.com/home











พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับบริโภค (Business-to-Consumer หรือ B2C) 

        หมายถึง การที่ธุรกิจขายสินค้าหรือบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถฉกฉวยเป็นโอกาสในการต่อสู้กับบริษัทขนาดใหญ่ได้
ตัวอย่างเว็บไซต์




  


รูปแบบธุรกิจของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ C2C
        เป็นการค้าและทำธุรกรรมระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือ ระหว่างผู้ใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยกันเอง ที่ไม่ใช่รูปแบบของร้านค้าหรือธุรกิจ ซึ่งการซื้อ-ขายนี้อาจทำผ่านเว็บไซต์ที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะ อาทิ การซื้อ-ขายในรูปของการประกาศซื้อ-ขาย หรือประมูลสินค้า ที่ผู้ใช้แต่ละคนสามารถนำข้อมูลสินค้าของตนมาประกาศซื้อ-ขายไว้บนเว็บไซต์ต่าง
ตัวอย่างเว็บไซต์

1.       http://www.thaisecondhand.com





2.       https://www.kaidee.com


พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ Click and Motar
       หมายถึง  รูปแบบของการทำ e-commerce ที่มีรูปแบบการผสมผสานระหว่างผู้ที่มีธุรกิจร้านค้าหรือมีบริษัท เปิดให้บริการทำการค้าจริงๆ และมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขาย
ตัวอย่างเว็บไซต์





พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ Click and Click
    หมายถึง  การทำ e-commerce ที่มีรูปแบบการค้าขายหรือให้บริการผ่านทางเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่มีธุรกิจหรือร้านค้าจริงๆ ที่ให้คนสามารถไปซื้อหรือรับสินค้าหน้าร้านได้
ตัวอย่างเว็บไซต์
ตัวอย่างเว็บไซต์
        http://www.lafema.com





วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

ข้อดีและข้อจำกัดของ Social Media

1.Twitter

Twitter คืออะไร ?
       Twitter.com เป็นบริการส่งข้อความเป็นประโยคสั้นๆ ที่คุณส่งไปนั้นจะเป็นการบอกว่า คุณ กำลังทำอะไรอยู่? ในตอนนั้น เพื่อเป็นบันทึก ณ. ช่วงเวลานั้นว่าคุณทำอะไรอยู่ ลงไปในเว็บไซต์ของ Twitter.com เช่น "กำลังจะกินข้าว" "กำลังจะออกจากบ้าน" เป็นต้น และเมื่อคุณส่งประโยคสั้นๆ ไปเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่คุณมีเวลา และสามารถทำได้ เมื่อกลับมาอ่านมัน ข้อความทั้งหมด มันจะก็จะสามารถประติดประต่อ บอกเรื่องราวว่าคุณทำอะไรไปบ้างช่วงวันหนึ่งๆ ซึ่งจะสะดวกกว่าการ มานั่งหลังคดหลังแข็งมานั่งเขียนบล็อก ทั้งวัน นี้แหละที่ Twitter.com เลยเข้ามาทดแทนและช่วยให้คนไม่ชอบเขียน บล็อก หันมาใช้บริการพวกนี้เยอะมากขึ้น
ข้อดี
       คือ คุณสามารถติดตาม (
Follow) คนอื่นๆ ที่เค้าเขียนข้อความลงไปใน Twitter ของเค้าได้ ว่าเค้าคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ โดยเมื่อคุณ ติดตาม (Follow) เค้าแล้ว เมื่อคนนั้นเค้าทำอะไรและพิมพ์อะไรลงไปใน Twitter คุณก็ได้รับข้อความเหล่านั้นด้วยไปพร้อมๆ กัน และก็สามารถติดตามได้ทีละหลายๆ คน ซึ่งก็จะทำให้คุณทราบว่าเค้าเหล่านั้นกำลังทำอะไรอยู่ในขณะนั้นทันที จะเห็นว่า Twitter ก็เริ่มกลายเป็นเครื่องมือในการกระจายข้อมูล (Broadcast) ของคนๆ หนึ่ง ไปยังคนหลายๆ คนได้ง่ายๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และที่สำคัญคือ คุณสามารถส่งข้อความเข้า Twitter ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ง่ายๆ ผ่าน SMS หรือ WAP โดยเข้าไปที่ http://m.twitter.com ดังนั้นไม่ว่าคุณอยู่ไหนก็ตาม ที่คุณมีโทรศัพท์มือถือ คุณก็สามารถส่งข้อความเข้า Twitter ได้ง่ายๆ
ข้อเสีย
         
ถึงตัวเลขผู้ใช้งานจะอยู่ที่ 4,500,000 คน แต่มีที่ใช้งานจริงๆเพียงแค่ 1,755,000 คน ทำให้ถือว่ามีคนเล่นไม่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับ Social Media ตัวอื่น
– Timeline ค่อนข้างเคลื่อนไหวเร็ว ทำให้สิ่งที่เรา Tweet ตกไปได้ง่าย

กลุ่มคนผู้ใช้งานเป็นเด็กวัยเรียนค่อนข้างมาก ทำให้ไม่สามารถใช้ Twitter ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุได้มาก
- ทวิตข้อความได้ไม่เกิน140 ตัวอักษร หากผู้ใช้ต้องการทวิตข้อความมากกว่า140 ตัวอักษรจะต้องใช้ tweetlonger หรือ twiffo


2. Instagram
Instagram คืออะไร ?
              Instagram (อินสตาแกรม) คือ แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพและแต่งภาพบนสมาร์ทโฟน ที่มาพร้อมกับลูกเล่นการแต่งเติมสีสันให้กับรูปภาพด้วย Filters (ฟิลเตอร์) ต่าง ๆ ที่ให้เราสามารถเลือกปรับภาพได้หลากหลายและสวยงาม  แนวอาร์ต ๆ ได้ตามใจชอบทั้งในเรื่องของ สี แสง เรียกได้ว่าสามารถปรับอารมณ์ของรูปภาพได้ตามต้องการ และสามารถแชร์รูปภาพสวย ๆ อวดเพื่อน ๆ ที่อยู่ในสังคมออนไลน์อื่น ๆ เช่น Twitter, Facebook, Tumblr และ Foursquare เป็นต้น และในตัว Instagram เองก็เป็นสังคมออนไลน์การแบ่งปันภาพถ่าย (Social Photo Sharing) เพราะ Instagram มีระบบ Followers และ Following ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตามชมรูปภาพ ความเคลื่อนไหวการใช้งานของเพื่อน ๆ ที่ใช้งานแอพพลิเคชั่นหากถูกใจ ชอบรูปภาพไหน สามารถกด Like รวมไปถึง Comment รูปภาพนั้นได้
            
ข้อดี  
     - ถ่ายภาพและแต่งภาพด้วยด้วย Filters (ฟิลเตอร์) หลากสีสัน 20 แบบ
     
- ถ่ายภาพพร้อมเลือกฟิลเตอร์แบบเรียลไทม์ (Live Filter เลือกฟิลเตอร์ได้ขณะกำลังถ่ายภาพ ไม่ต้องใส่ทีหลัง)
       - เครื่องมือแต่งภาพ เช่น หมุนภาพ, ใส่กรอบภาพ, เพิ่มแสงให้กับภาพและเบลอภาพ (Tilt-Shift ) เฉพาะส่วนที่ต้องการได้
   - แชร์รูปภาพไปยังเว็บสังคมออนไลน์ได้ เช่น Facebook, Twitter, Tumblr, Flickr และ Foursqure
    - อัพโหลดรูปภาพได้ไม่จำกัด
      - มีระบบ Followers และ Following เลือกติดตามบุคคลที่ต้องการได้
       - สามารถ Comment และกด Like รูปภาพที่ชื่นชอบได้
       - ระบุตำแหน่งที่ถ่ายภาพและแสดงบนแผนที่ (Photo Maps)
   - Instagram เป็นแอพพลิเคชั่นฟรี 100%
        
       ข้อเสีย
       - สามารถใช้บริการ Instagram เฉพาะบริการ Instagram แอพพลิเคชั่น บนโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือแท็บเล็ต ในกรณีที่ ผู้ใช้บริการใช้  website อื่น หรือ Link ที่ปรากฏบนหน้า Instagram  แอพพลิเคชั่น  ผู้ใช้บริการจะต้องชำระค่าใช้บริการเพิ่มเติม (ถ้ามี) ตามอัตราที่ระบุในแพ็กเกจที่ผู้ใช้
        
- บริการเลือกใช้งานอยู่ ณ ขณะนั้น หรือหากในแพ็กเกจที่เลือกใช้ ไม่ได้ระบุไว้ ให้คิดค่าบริการตามเงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด โดยจะมีการแสดง
       
- รูปถูกครอป
       - การคุยแบบกลุ่มถูกจำกัดไว้ที่ 15 คนเท่านั้น
  

3. Youtube 
     Youtube  คืออะไร ?
        เป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอที่มีชื่อเสียง(www.youtube.com) โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพวิดีโอเข้าไป เปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอ เหล่านี้ให้คนอื่นดูได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ใน YouTube จะมีข้อมูลเนื้อหารวมถึงคลิปภาพยนตร์สั้นๆ และคลิปที่มาจากรายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอบล็อกกิ้ง (ซึ่งเป็นการสร้างบล็อกโดยมีส่วนของข้อมูลที่เป็นภาพ วิดีโอเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะเป็นภาพวิดีโอที่เกิดจากมือสมัครเล่นถ่ายกันเอง) คลิปวิดีโอที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ YouTube ส่วนมากเป็นไฟล์คลิปสั้นๆ ประมาณ 1 - 10 นาที ถ่ายทำโดยประชาชนทั่วไป แล้วอัพโหลดขึ้นสู่เว็บไซต์ของ YouTube โดยมีการแบ่งประเภทและจัดอันดับคลิปเอาไว้ด้วย เช่น ไฟล์ล่าสุด, ไฟล์ที่มีผู้ชมมากที่สุด, ไฟล์ที่ได้รับการโหวตมากที่สุด ฯลฯ
         YouTube เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตที่มียอดผู้ชมวิดีโอของทางเว็บไซต์ทะลุหลัก 100 ล้านครั้งต่อวัน หรือคิดเป็นราว 29 เปอร์เซ็นต์ของยอดการเปิดดูคลิปวิดีโอทั้งหมดในสหรัฐฯ ในแต่ละเดือนมีผู้อัพโหลดวิดีโอขึ้นเว็บกว่า 65,000 เรื่อง
          สถิติจาก Nielsen/NetRatings ซึ่งเป็นผู้นำวิจัยการตลาดและสื่่ออินเตอร์ระดับโลกระบุว่า ปัจจุบัน YouTube มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเดือนละ 20 ล้านคน นอกจากนี้ ในปี 2006 นิตยสารไทม์ ยกย่องให้เว็บไซต์ YouTube เว็บไซต์ให้บริการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอชื่อดัง เป็น "Invention of the Year" หรือรางวัลสิ่งประดิษฐ์แห่งปี อีกด้วย
              ข้อดี  
    - เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ข้อมูลต่างๆซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น การสอนการแต่งหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำความเข้าใจยาก ถ้าศึกษาจากหนังสือหรือนิตยสาร เราก็ไม่สามารถเห็นการลงมือปฏิบัติแต่งหน้าที่ชัดเจน เช่นการเลือกสี การลงสี และน้ำหนักหนัก-เบา แต่การศึกษาจาก youtube เราสามารถทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
 
    - เป็นแหล่งรวมความบันเทิง เช่น เพลง มิวสิควิดีโอ เป็นต้น
   - เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ศึกษาการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เช่น การทดลองทางด้านbiological molecular ได้แก่ การทำ PCR , พันธุวิศวกรรม เป็นต้น
   - สามารถทำให้เราติดตามดูละคร หรือรายการทีวีย้อนหลังได้ เช่นละครเนื้อคู่อยากรุ้ว่าใคร ตอนที่ 26 , WooDy Talk 25Jul10 1/4 อ้วน รีเทิร์น
      ข้อเสีย
    - เยาวชนอาจจะนำ youtube มาใช้ในทางที่ผิด เช่น การใช้กำลังในการแก้ปัญหา แล้วถ่ายคลิปลงใน youtube ทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับผู้ที่เข้ามาดูคลิปนี้
   - เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่นการเอาหนังที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์มาลง youtube
  -  มีคลิปที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน เช่นคลิปลามากอนาจาร คลิปที่ส่อแนวไปในทางมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
   -  เป็นการสร้างความเชื่อที่ผิดๆโดยการนำความนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นจริง เช่น การกินเมนทอสพร้อมน้ำอัดลมทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 


4. facebook
   Facebook คืออะไร ?
   Facebook คือ  เว็บไซต์ Social Network เว็บหนึ่ง เป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก การได้รับความนิยมของ Facebook อาจเนื่องมาจากบน Facebook นั้น ผู้ใช้งานสามารถใช้เพื่อติดต่อสื่อสารหรือร่วมทำกิจกรรมกับผู้ใช้งานท่าน อื่นได้เช่น การเขียนข้อความ เล่าเรื่อง ความรู้สึก แสดงความคิดเห็นเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ แชทพูดคุย เล่นเกมที่สามารถชวนผู้ใช้งานท่านอื่นมาเล่นกับเราได้ รวมไปถึงทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเข้ามาเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ แอพลิเคชั่นยังแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ เช่น เพื่อความบันเทิง เกมปลูกผักยอดนิยม เป็นต้น หรือไม่ว่าจะเป็นเชิงธุรกิจ แอพลิเคชั่นของ Facebook ก็มีให้ใช้งานเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้Facebook จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก
         
         ข้อดี 
      - ใช้สื่อสารด้วยข้อความกับเพื่อน ๆ ได้สะดวก และช่วยให้ประหยัดค่าโทรศัพท์ได้มากทีเดียว เราสามารถสื่อสารกับเพื่อน ๆ ได้โดยการโพส หรือส่งข้อความผ่านทาง messenger
      -   การจัดกลุ่มช่วยให้คุณสื่อสารได้ดีขึ้น เช่น กลุ่มเพื่อนสนิท, กลุ่มคนรู้จัก และกลุ่มอื่น ๆ ที่คุณสามารถจัดกลุ่ม และตั้งชื่อได้ ทำให้เราสามารถเลือกโพสข้อความเฉพาะกลุ่มได้
       -   สำหรับคนที่ต้องการเปิดร้าน ไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ก็ตาม การสร้างเพจถือเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา เพราะมีคนใช้ Facebook เพิ่มขึ้นทุกวัน
       -    การสร้างกลุ่ม ในที่นี้หมายถึงกลุ่มที่สร้างขึ้น และเชิญเพื่อน ๆ ให้เป็นสมาชิกของกลุ่ม เช่น กลุ่มคนรักกล้องถ่ายรูป, กลุ่มคนรักปลาสวยงาม เป็นต้น การสร้างกลุ่มก็คือการรวมตัวกันของคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันนั่นเอง

      ข้อเสีย
      - FaceBook เป็นการขยายเครือข่ายทางสังคมในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นการมีเพิ่มเพื่อนเครือข่ายที่ไม่รู้จักดีพอ จะทำให้เกิดการลักลอบขโมยข้อมูล หรือการแฝงตัวของขบวนการหลอกลวงต่างๆได้
     - เพื่อนทุกคนในเครือข่ายสามารถเขียนข้อความต่างๆลง Wall ของ FaceBook ได้แต่หากเป็นข้อความที่เป็นความลับ การใส่ร้ายกัน หรือแฝงไว้ด้วยการยั่วยุต่างๆ จะทำให้ผู้อ่านที่ไม่มีวุฒิภาวะพอ หลงเชื่อ เกิดความขัดแย้ง และปัญหาตามมาในภายหลังได้
     - Facebook อาจเป็นช่องทางในการสร้างสังคมแห่งการนินทา หรือการยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นโดยใช่เหตุ โดยเฉพาะสังคมที่ชอบสอดรู้สอดเห็น
      - การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่รู้จักดีพอ เช่นการลงรูปภาพของครอบครัวหรือลูก อาจนำมาเรื่องปัญหาการปลอมตัว หรือการหลอกลวงอื่นๆที่คาดไม่ถึงได้
     - เด็กๆที่ใช้เวลาในการเล่น Facebook มากเกินไป จะทำให้เสียการเรียน
     - ในการสร้างความผูกพันและการปรับตัวทางสังคมเป็นการพบปะกันในโลกของความจริง มากกว่าในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นผู้อยู่ในโลกของไซเบอร์มากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาทางจิต หรือขาดการปรับตัวทางสังคมที่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่น FaceBook ตั้งแต่ยังเด็ก
-FaceBook อาจเป็นแรงขับให้มีการพบปะทางสังคมในโลกแห่งความเป็นจริงที่น้อยลงได้ เนื่องจากทราบความเคลื่อนไหวของผู้ที่อยู่ในเครือข่ายอย่างตลอดเวลา
      - นโยบายของบางโรงเรียน บางมหาวิทยาลัย บางครอบครัวหรือในบางประเทศมีปัญหามากมายที่เกิดจากFaceBook ทำให้ FaceBook ไม่ได้รับการอนุญาตให้มีในหลายพื้นที่

5. twoo
twoo คืออะไร ?
      Twoo เป็นวิธีการที่สนุกสนานที่สุดในการพบปะผู้คนใหม่ๆในพื้นที่ของคุณผู้คนนับล้านๆ
ด้วยผู้ใช้ที่ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคนต่อเดือน, Twoo เป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในประเภทของมัน!ผู้คนจริง, ใช้งานจริง ทุกๆวัน, ผู้คนมากกว่าล้านคนติดต่อกันบน Twoo ไม่ว่าคุณจะชอบการพูดคุย, ค้นหา, แชร์รูปภาพ หรือเล่นเกมส์แนะนำตัวของเรา, Twoo เต็มไปด้วยผู้คนใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นที่จะมาสนุกด้วย, และจนแม้กระทั่งที่จะพบปะ
        
ข้อดี 
      - ได้พบเพื่อนใหม่ๆ พูดคุย ค้นหา แชร์รูปภาพ  เหมือน Social อื่นๆ
       ข้อเสีย
      - ต้องเสียเงินในการใช้งาน
     
เข้าถึงการใช้บริการได้ยาก
      
คนนิยมเล่นน้อย
       
ส่วนมากจะมีแต่คนต่างชาติคนที่ใช้ต้องเก่งภาษาอังกฤษ


6. xing
  
ข้อดี
    - เป็น App สำหรับของไอโฟน
    - ค้นหาการจัดประชุมสัมมนาและกิจกรรมเครือข่ายในบริเวณใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์รายชื่อ XING

ข้อเสีย
   
- ใช้ภาษาจีน


7. renren
   renren คืออะไร ?
    Renren.com ได้รับการกล่าวอ้างจากหลายแห่งว่าเป็นเว็บ Social network ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยตัวเลขจำนวนสมาชิกกว่า 160 ล้านคน และกำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นที่อเมริกากลางปีนี้
     ที่มาของเว็บไซต์สังคมออนไลน์แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี
2005 โดยนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัว (มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนในกรุงปักกิ่ง) ได้สร้างเว็บไซต์ที่ชื่อว่า Xiaonei.com (เซี่ยวเน่ย - แปลตรง ๆ ว่าในโรงเรียน) สำหรับเป็นเวบสังคมออนไลน์ของกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัย ในขณะที่ Mark Zuckerberg บิดาของ Facebook เพิ่งสร้างเว็บไซต์ของเขาที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดในอเมริกาได้เพียงหนึ่งปี
  ข้อดี
  - แชร์รูป วิดีโอ เพลง
  - พูดคุย แชท
  - อัปเดตสถานะ
   - ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน
ทำทุกอย่างได้เหมือน Facebook แต่คนจีนจะนิยมใช้

  
ข้อเสีย
     renren หรือ Facebook ของจีน เป็นบริการที่เข้าใช้ยาก เพราะตอนสมัครต้องกรอก Capcha เป็นตัวจีน

8. vine
    vine คืออะไร ?
     Vine เป็นแอพใหม่ สดๆ ร้อนๆ จาก Twitter  โดยที่จุดเด่นของ Vine คือ การแชร์วิดีโอสั้นๆ แค่ 6 วินาที ด้วยความยาวของวิดีโอแค่ 6 วินาที ทำให้ Vine น่าสนใจมาก เพราะผู้ใช้จะต้องคิดว่าจะถ่ายอะไร ถ่ายยังไง ให้สามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ภายใน 6 วินาที
      ข้อดี
      Vine รองรับการใช้งาน ครอบคุมเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Android, iOS, Windows Phone รวมถึง PC โดยสามารถดาวน์โหลดได้จากอุปกรณ์ที่คุณใช้งานอยู่ โดยแอพเป็นแบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
   -อัพโหลด รูปเคลื่อนไหว ได้ไม่จำกัดจำนวน และฟรี
   - โพสต์ รูปเคลื่อนไหว บน Vine และแชร์ไปยัง Twitter หรือ Facebook ได้ทันที
  - ค้นหา, Follow และตอบโต้กับเพื่อนๆ ใน Vine
   - ค้นหา รูปเคลื่อนไหว ได้ด้วย Hashtags และจากการคัดเลือกของบรรณาธิการจาก Vine
และฟีเจอร์อื่นๆ ในแอพสร้าง รูปเคลื่อนไหว ใน Vine อีกมากมายให้ได้ลองเล่นกัน
     ข้อเสีย
      - Vine ให้อัปโหลดคลิปได้ที่ความยาว 6.5 วินาทีโดยประมาณ ซึ่งอัดได้สั้นมาก
      - ไม่สามารถถ่ายภาพปกติได้
          คนไทยไม่นิยมเล่น



วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

เรื่อง IPV 4 และ IPV 6

IP v4 คือ
        "IPv4" มีโครงสร้างการอ้างอิงเป็นตัวเลขฐานสองความยาว32 บิต เพื่อเป็นความสะดวกในการระบุอ้างอิงโดยมนุษย์ จึงมีการแยกอ่านค่าเลขฐานสองดังกล่าวออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 8 บิตเรียงตามลำดับ การอ่านหรืออ้างอิงค่าหมายเลขไอพีแอดเดรสโดยทั่วไปจึงมักอยู่ในรูปแบบเช่น 205.46.15.198 แทนที่จะอ่านเป็น 11001101.00101110.00001111.11000110 สำหรับการแปลงค่าตัวเลขฐานสองไปเป็นฐานสิบนั้น สามารถกระทำได้โดยใช้เครื่องคิดเลขหรือเทียบจากตารางที่ 1 ตัวอย่างการอ่านค่าไอพีแอดเดรสตามตัวอย่างข้างต้นนั้นมีแสดงในรูปที่ 2 ทั้งนี้พึงทำความเข้าใจว่าในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันนั้น จะใช้การอ้างอิงตัวเลขฐานสองเป็นพื้นฐาน เนื่องจากเป็นมาตรฐานการอ้างอิงในระดับภาษาเครื่อง ส่วนการอ่านค่าเป็นตัวเลขฐานสิบนั้นเป็นไปเพื่อความสะดวกของมนุษย์เป็นสำคัญ อนึ่งโดยทั่วไปมักนิยมเรียกกลุ่มข้อมูลแต่ละกลุ่มซึ่งมีขนาด 8 บิตว่า "ออกเต็ด" (Octet) สำหรับความหมายของ "คลาส C" ซึ่งแสดงในรูปนั้น จะกล่าวถึงต่อไป

รูปที่ 2 การแปลงค่าไอพีแอดเดรสจากเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสอง และการระบุคลาสของไอพีแอดเดรส

ตารางที่ 1 ตัวอย่างการแปลงค่าตัวเลขฐานสองเป็นฐานสิบ


ข้อควรทราบเกี่ยวกับการกำหนดค่าให้กับเลขหมายไอพีแอดเดรสในแต่ละออกเต็ดมีอยู่ 2 ประการ ประการแรกก็คือในแต่ละออกเต็ดจะต้องไม่มีค่าของข้อมูลเป็น "11111111"หรือ "00000000" หรือแทนค่าเป็นเลขฐานสิบได้เท่ากับ 255 และ 0 ตามลำดับ นอกจากนั้นยังมีการสำรองไอพีแอดเดรสที่มีค่าเป็น 127.0.0.1 ไว้สำหรับใช้ในการทดสอบเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่มีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หลักการดังกล่าวนี้ใช้ได้ทั้งกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่อภายในเครือข่ายแบบปิด และกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเปิดซึ่งมีการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต


IPv6 คืออะไร
กลไกสำคัญในการทำงานของอินเทอร์เน็ต คือ อินเทอร์เน็ตโพรโตคอล (Internet อินเทอร์เน็ตส่วนประกอบสำคัญของอินเทอร์เน็ต
โพรโตคอลได้แก่ หมายเลขอินเทอร์เน็ตแอดเดรส หรือ ไอพีแอดเดรส (IP address) ที่ใช้ในการอ้างอิงเครื่องคอมพิวเตอร์และอุป
กรณ์เครือข่ายต่างๆบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เปรียบเสมือนการใช้งานโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารกัน จะต้องมีเลขหมายเบอร์โทรศัพท์
เพื่อให้อ้างอิงผู้รับสายได้ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในอินเทอร์เน็ตก็ต้องมีหมายเลข IP Address ที่ไม่ซ้ำกับใคร
     หมายเลข IP address ที่เราใช้กันทุกวันนี้ คือ Internet Protocol version 4 (IPv4) ซึ่งเราใช้เป็นมาตรฐานในการส่งข้อมูลใน
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ปีค.ศ. 1981 ทั้งนี้การขยายตัวของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว
นักวิจัยเริ่มพบว่าจำนวนหมายเลข IP address ของ IPv4 กำลังจะถูกใช้หมดไป ไม่เพียงพอกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตในอนาคต และ
หากเกิดขึ้นก็หมายความว่าเราจะไม่สามารถเชื่อมต่อเครื่อข่ายเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นคณะทำงาน IETF (The
Internet Engineering Task Force) ซึ่งตระหนักถึงปัญหาสำคัญดังกล่าว จึงได้พัฒนาอินเทอร์เน็ตโพรโตคอลรุ่นใหม่ขึ้น คือ รุ่นที่หก
(Internet Protocol version 6; IPv6) เพื่อทดแทนอินเทอร์เน็ตโพรโตคอลรุ่นเดิม โดยมีวัตถุประสงค์ IPv6 เพื่อปรับปรุงโครงสร้าง
ของตัวโพรโตคอล ให้รองรับหมายเลขแอดเดรสจำนวนมาก และปรับปรุงคุณลักษณะอื่นๆ อีกหลายประการ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ
และความปลอดภัยรองรับระบบแอพพลิเคชั่น (application) ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล
แพ็กเก็ต (packet) ให้ดีขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองต่อการขยายตัวและความต้องการใช้งานเทคโนโลยีบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตใน
อนาคตได้เป็นอย่างดี
ทำไมจึงต้องเริ่มใช้ IPv6
     ประโยชน์หลักของ
IPv6 และเป็นเหตุผลสำคัญของการเริ่มใช้ IPv6 ได้แก่ จำนวน IP address ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาลเมื่อ
เปรียบเทียบกับจำนวน IP address เดิมภายใต้ IPv4 IPv4 address มี 32 บิต ในขณะที่ IPv6 address มี 128 บิต ความแตกต่าง
ของจำนวน IP address มีมากถึง 296 เท่า
       ความสำคัญของการมี IP address ที่ไม่ซ้ำกันและสามารถเห็นกันได้ทั่วโลก จะช่วยผลักดันการพัฒนา แอพพลิเคชั่นแบบ peer-to-
peer ที่ต้องการ IP address จริงเป็นจำนวนมาก เช่นการทำ file sharing, instant messaging, และ online gaming แอพพลิเค
ชั่นเหล่านี้มีข้อจำกัดภายใต้ IPv4 address เนื่องจากผู้ใช้บางส่วนที่ได้รับจัดสรร IP address ผ่าน NAT (Network Address
Translation) ไม่มี IP address จริง จึงไม่สามารถใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้
     สำหรับองค์กรหรือบริษัทห้างร้านต่างๆ การมี
IP address จริงอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อย่างไรก็ตามหน่วยงานเหล่านี้ควรมีความเข้า
ใจถึงข้อจำกัดของการใช้ NAT นั่นก็คือ การใช้ IP address ปลอม อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในอนาคตหากต้องมีการรวมเครือข่าย
สองเครือข่ายที่ใช้ IP address ปลอมทั้งคู่ อีกทั้ง การใช้ IP address ปลอม เป็นการปิดโอกาสที่จะใช้แอพพลิเคชั่นหรือบริการแบบ
peer-to-peer เช่น IPsec ในอนาคต
     หมายเลข
IPv6 มี 128 บิต ประกอบไปด้วย กลุ่มตัวเลข 8 กลุ่มเขียนขั้นด้วยเครื่องหมาย “:” โดยแต่ละกลุ่มคือเลขฐาน 16 จำนวน 4
ตัว (16 บิต) เช่น
3fee:085b:1f1f:0000:0000:0000:00a9:1234
0000:0000:0000:0000:0000:0000:0000:0001
fec0:0000:0000:0000:0200:3cff:fec6:172e
2001:0000:0000:34fe:0000:0000:00ff:0321
ทั้งนี้สามารถเขียนย่อได้ โดยมีเงื่อนไขคือ
1. หากมีเลขศูนย์ด้านหน้าของกลุ่มใด สามารถจะละไว้ได้
2. หากกลุ่มใดเป็นเลขศูนย์ทั้ง 4 ตัว (0000) สามารถเขียนแทนด้วย “0”
3. หากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (หรือหลายกลุ่มที่ตำแหน่งติดกัน) เป็นเลขศูนย์ทั้งหมด สามารถจะละไว้ได้ โดยใช้เครื่องหมาย “::” แต่จะ
สามารถทำลักษณะนี้ได้ในตำแหน่งเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
หากใช้สองเงื่อนไขแรก เราสามารถเขียนหมายเลข
IPv6 ข้างต้นได้ดังนี้
3fee:085b:1f1f:0:0:0:a9:1234
0:0:0:0:0:0:0:1
fec0:0:0:0:200:3cff:fec6:172e
2001:0:0:34fe:0:0:ff:321
หากใช้เงื่อนไขที่สาม เราสามารถเขียนหมายเลข IPv6 ข้างต้นได้ดังนี้
3fee:085b:1f1f::a9:1234::1
fec0::200:3cff:fec6:172e
2001::34fe:0:0:ff:321
จะเห็นได้ว่าเราสามารถเขียนหมายเลข IPv6 ได้หลายวิธี โดยแต่ละวิธี มีความยาวแตกต่างกันไป ซึ่งบางครั้งหมายเลข IPv6 อาจมี
หมายเลข IPv4 แทรกอยู่ ในกรณีนี้ เราสามารถเขียนในลักษณะที่คงสภาพหมายเลข IPv4 อยู่ได้ เช่น
0:0:0:0:0:0:192.168.1.1
0:0:0:0:0:ffff:192.168.1.1



แหล่งอ้างอิง : http://ipaddress52.blogspot.com/2011/12/ip-v4.html 

ค้นหา เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558